ในอีกไม่กี่วัน Donald Trump จะขึ้นรับตำแหน่งประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการ ซึ่งก็คือในวันที่ 20 มกราคม และจะมีพิธีสาบานตนประมาณตอนเที่ยงตามเวลาท้องถิ่น หรือสำหรับบ้านเราก็คือประมาณเที่ยงคืนของวันจันทร์-เช้าวันอังคาร ซึ่งกลายเป็นเหตุการณ์ต้องหมายตาร้อนแรงจากหลายภาคส่วนทั่วโลกด้วยการประกาศกร้าวของว่าที่ประธานาธิบดีว่าจะเร่งดำเนินการตามนโยบายที่หาเสียงและให้คำมั่นสัญญาไว้อย่างรวดเร็ว โดยหนึ่งในนโยบายที่เชื่อได้ว่าร้อนรุ่มอยู่ในอกของผู้ส่งออกไทยอย่างกำแพงภาษีรอบใหม่ที่สูงลิ่วก็ดูจะไม่เป็นข่าวดีเช่นกัน ตามมุมมองของ Adam Lewis ประธานบริษัทนายหน้าศุลกากรแห่งหนึ่งชาวอเมริกัน
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา Adam Lewis ได้ให้สัมภาษณ์สื่อ Theloadstar ที่แม้ว่าการพูดคุยส่วนใหญ่จะอยู่ในส่วนของผลกระทบของธุรกิจโลจิสติกส์และการขนส่งภายในสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีประเด็นที่น่าสนใจอย่างการคาดการณ์การนำนโยบายด้านภาษีการค้าระหว่างประเทศของ Trump ไปปรับใช้ ผ่านเครื่องมือทางกฎหมายและสุดท้ายกำแพงภาษีที่ว่า “อาจมีผลบังคับใช้จริงๆเร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้จากหลายเดือนเป็นหลักไม่กี่สัปดาห์” หลังจาก Trump มีอำนาจในมือเต็มที่ในวันที่ 20 มกราคมที่จะถึงนี้
ซึ่งเครื่องมือทางกฎหมายที่ว่านี้คือ “The International Emergency Economic Powers Act. 1977” กฎหมายโบราณอายุครึ่งร้อยปี ว่าด้วย “อำนาจทางเศรษฐกิจฉุกเฉินระหว่างประเทศ” ซึ่งจะอนุญาติให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สามารถแทรกแซงการค้าระหว่างประเทศผ่านการประกาศภาวะฉุกเฉินระดับชาติ เพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามที่ผิดปกติและพิเศษใดๆ ต่อสหรัฐฯ ซึ่งมีเหตุจากภายนอกประเทศไม่ว่าจะทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน ซึ่ง Adam Lewis ยังให้ข้อมูลอีกว่าตัวกฎหมายนี้เคยถูกใช้มาแล้ว โดย Jimmy Carter ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น จากเหตุการณ์ตัวประกันในอิหร่านเมื่อปี 1979

กฎหมายนี้นอกจากจะให้อำนาจเต็มที่กับประธานาธิบดีแล้ว ยังสามารถเป็นตั๋วขึ้นทางด่วนพิเศษข้ามขั้นตอนและระยะเวลามหาศาลในสภาคองเกรส ไม่ต้องมีการตั้งกระทู้ ไม่มีการแย้งจากฝ่ายค้าน ซึ่งถึงแม้ว่าตัวกฎหมายนี้นับตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันจะถูกใช้ไปในครั้งแรกเป็นเพียงครั้งเดียว และการประกาศภาวะฉุกเฉินอาจสามารถทำให้เกิดคำถามและนัยยะทางการเมืองตามมาจากการใช้อำนาจไม่สมเหตุสมผล แต่ก็ไม่มีอะไรสามารถการันตีได้ว่าจะหยุดความบ้าระห่ำของว่าที่ประธานาธิบดีคนนี้ได้ และเป็นไปได้สูงมากว่า Trump จะหยิบยกเครื่องมือทางกฎหมายเหล่านี้มาใช้เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายของตน
จุดนี้เองที่เป็นจุดเปลี่ยนมุมมองของภาคเอกชนในสหรัฐฯ และเริ่มมีการเร่งเตรียมรับมืออย่างเต็มที่ ด้วยการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วอาจก่อให้เกิดโกลาหลตามมา อาจเกิดการแออัดในด่านศุลกากรสหรัฐฯเป็นประวัติการณ์ การ Early-Peak Season จีนเร่งส่ง-สหรัฐฯเร่งซื้อ อาจกลับมาอีกครั้ง เกิดความไม่สมดุลของอุปทานอุปสงค์การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ กองเรือและตู้สินค้าถูกดึงไปใช้ในเส้นทางที่มีอุปสงค์มากกว่า ลักษณะคล้ายช่วงไตรมาส3ปีที่แล้ว ที่ซึ่งสุดท้ายแล้วปัจจัยทั้งหลายก็จะแปลงเป็นค่าระวางและค่าใช้จ่ายและไปตกอยู่กับผู้ส่งออกทั้งหมด
การรับมือกับปัจจัยภายนอกโดยเฉพาะปัจจัยทางการเมืองระหว่างประเทศเป็นเรื่องยาก ดังนั้นเราจึงขอแนะนำผู้ส่งออกให้เตรียมพร้อมให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ตั้งแต่การทำความเข้าใจกับลูกค้าและทั้งซัพพลายเชนของคุณให้เข้าใจในสถานการณ์ การกระจายการใช้บริการขนส่งระหว่างประเทศ รวมถึงทางเลือกอื่นๆหากวิกฤติจะเกิดขึ้นมาซ้ำและกินระยะเวลานาน และที่สำคัญคือต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะเช้าวันอังคารหน้าหลังจาก Trump ขึ้นครองอำนาจเต็มที่และสถานการณ์อาจชี้หัวชี้ก้อยในช่วงสัปดาห์หรือวันถัดจากนั้น หรือแม้แต่เพียงไม่กี่ชั่วโมงก็เป็นได้
.
อ้างอิง :
https://uscode.house.gov/view.xhtml?path=/prelim@title50/chapter35&edition=prelim
https://theloadstar.com/launch-of-new-tariffs-a-speeding-train-be-ready-us-importers-warned/